บทความแปล #บทความเกี่ยวกับความเพ้อฝันของมาร์กซิสต์ #ความจริงของสหภาพโซเวียต
ความฝันของเหล่ามาร์กซิสต์ และ ความเป็นจริงของสหภาพโซเวียตที่เกิดขึ้น
(เปเปอร์นี้เป็นเปเปอร์แรกที่ถูกตีพิมพ์ตาม Catos letter #2 ในปี 1988 ก่อนหน้าการล่มสลายของสหภาพโซเวียตและ ในบทความนี้ได้ทำซ้ำในวันเมย์เดย์ซึ่งความทรงจำเหยื่อคอมมิวนิสต์และความน่ากลัวเหล่านั้นที่คนลุกขึ้นต่อสู้กับมันเพื่อสิ่งที่ดีกว่าที่เป็นส่วนหนึ่งของศตวรรษในช่วงระยะเวลาที่เกิดขึ้น)
สิ่งที่เห็นตรงข้ามได้ชัดอย่าง Alexis de Tocqueville ได้จัดวางรากฐานดังกล่าวที่เห็นได้ชัดในปี 1835 ซึ่งระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย(ในปัจจุบัน-อดีต) ตามหลักการในอดีตคือ ประเทศแรกที่มีเสรีภาพและต่อมาประการหลังเป็นความเป็นทาส ที่แม้ว่าจะกลายเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดหลังจาก 1917 เมื่อจักรพรรดิรัสเซียถูกเปลี่ยนโฉมเป็นสหภาพโซเวียต
เช่นเดียวกันกับอเมริกา สหภาพโซเวียตเป็นชาติที่ถูกก่อตั้งมาบนอุดมการณ์ที่แตกต่าง สำหรับอเมริกาแล้วนั้นอุดมการณ์ที่เป็นรากฐานในการก่อตั้งอเมริกาขึ้นมาก็คือ เสรีนิยมแบบจอห์นล็อคเกียน ซึ่งได้ประกาศจากการประกาศอิสรภาพและบัญญัติว่าด้วยสิทธิพื้นฐานของพลเมืองตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะใน Ninth Amendment เราจะมองเห็นถึงมุมมองโลกของอเมริกาในปลายศตวรรษที่ 18 เหล่าผู้ก่อตั้งสหรัฐเชื่อว่าการมีอยู่ของธรรมชาติ และ สิทธิของปัจเจกบุคคลที่ถูกยึดเข้าด้วยกันซึ่งเป็นส่วนประกอบของกรอบศีลธรรมที่แปลงบรรทัดฐานไปสู่กฏหมาย ซึ่งกรอบนี้ได้ให้นิยามคำจำกัดกับพื้นที่ภายในสังคมต่างๆที่ทำให้คนในสังคมสามารถตอบโต้โดยสมัครใจหรือทำอะไรต่างๆโดยสมัครใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันได้รับอนุญาตตามธรรมชาติที่ประสานและประกอบกันกับแบบแผนหลายๆแบบของสมาชิกของคนในสังคมไม่ว่ารูปแบบใดๆซึ่งเป็นการแนะแนวแนวทางชีวิตและความเหมาะสมของการใช้ชีวิตของคนในสังคมนั้นๆ
สำหรับสหภาพโซเวียตที่ก่อตั้งบนอุดมการณ์ที่แตกต่างกันจากอเมริกา คือ มาร์กซิสต์ ตามความเข้าใจและการตีความโดยเลนิน มาร์กซิสต์โดยตัวมันเองก็มีรากฐานในปรัชญาเฮเกลเลี่ยนซึ่งค่อนข้างใส่ใจกับการปฎิวัติที่ต่อต้านหลักสิทธิของปัจเจกบุคคลในศตวรรษก่อนๆ เช่นเดียวกันกับผู้นำของพรรคบอลเชวิค(ซึ่งเปลี่ยนชื่อไปเป็นพรรคคอมมิวนิสต์ในปี 1918) ซึ่งแทบจะทั้งหมดเป็นปัญญาชนสายปฎิวัติ ตามกลยุทธ์ที่ถูกออกแบบมาของเลนินในงานของเขาเมื่อปี 1902 อะไรคือสิ่งที่เลนินทำสำเร็จในตอนนั้น? กลุ่มนักศึกษาที่มีความทะเยอทะยานได้ศึกษาคลังข้อมูลที่มีงานเขียนของมาร์กและเฮเกล ซึ่งได้ถูกตีพิมพ์ในช่วงชีวิตสั้นๆของพวกเขาหลังจากนั้นและเมื่อหลังจากตีพิมพ์เรื่องนี้ได้รับรู้ไปถึงนักทฤษฏีใน Second international (เป็นกลุ่มองค์กรสังคมนิยมพรรคแรงงาน เป็นรูปเป็นร่างในปี 1889 เดือน 14 กรกฎาคมที่ปารีส) ผู้นำบอลเชวิคมีมุมมองเกี่ยวกับพวกตนในฐานะผู้ที่ดำเนินนโยบายมาร์กซิสต์ในขณะที่มีการเรียกร้องให้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมคอมมิวนิสต์ไปตามผู้ที่ผู้นำของพวกตนศรัทธา(มาร์กและงานเขียนทั้งหลาย)
โดยเป้าหมายนั้นได้รับการส่งต่อจากมาร์กและเฮเกลที่ไม่มีอะไรไปมากกว่าการตระหนักหรือการคิดว่าเสรีภาพของมนุษย์ในขั้นสุดท้ายและการสิ้นสุดของช่วงก่อนประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ (มาร์กและเฮเกลมองว่าสังคมคอมมิวนิสต์ในท้ายที่สุดจะเป็นเช่นนั้น) แต่นั้นก็อาจเป็นเพียงแค่ความฝัน เกี่ยวกับการพิชิตที่จะได้มาซึ่งความถูกต้องชอบธรรมที่นำไปสู่ความเป็นใหญ่ในโลกและกลายเป็นผู้สร้างในท้ายที่สุด
การตีพิมพ์งานเขียนของนักคิดหลายๆท่านอย่าง Michael Polanyi และ Ludwig von mises, Paul Craig Roberts ซึ่งได้แสดงให้เห็นแล้วว่าหนังสือหรืองานของพวกเขาสมควรได้รับในสิ่งที่พวกเขาควรเพราะ เนื่องจากพวกเขาได้ข้อมูลที่สำคัญในประวัติศาสตร์ศตวรรษที่ 21 ก็คือ ความหมายของเสรีภาพที่เหล่ามาร์กซิสต์ได้กล่าวอ้างเสมอ นั้นอาจเป็นเพียงการโกหกเพื่อไม่ทำให้เกิดความแปลกแยก หรือไม่ว่าจะเป็นการผลินสินค้า การผลิตในตลาด สำหรับมาร์กและเฮเกล ตลาดไม่ได้แทนที่แค่พื้นที่ของช่องทางหาผลประโยชน์ของพวกนายทุนเท่านั้น แต่มันยังเป็นรากฐานของการดูถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเป็นระบบ ตลอดจนผู้ที่ได้รับผลกระทบผลลัพธ์จากการกระทำหนึ่งคนได้หนีห่างออกจากการควบคุมของนายทุนและในท้ายที่สุดก็จำเป็นต้องกลับมาหานายทุนอีก(เพราะแรงงานก็ต้องเอาชีวิตรอดเช่นกัน) ซึ่งมาร์กมองว่าวิธีเหล่านี้มันเป็นวิธีที่เลวร้าย ดังนั้นความเข้าใจลึกๆแล้วว่ากระบวนการตลาดจะสร้างผลลัพธ์นี้ขึ้นมาที่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นโดยเจตนาของใคร โดยตรงนี้สำหรับมาร์กซิสต์ มันเป็นหลายๆเหตุผลที่ต้องประณามของพวกนายทุน ซึ่งตามที่มาร์กได้เขียนเอาไว้เกี่ยวกับสังคมคอมมิวนิสต์ก่อนหน้าที่จะความขาดแคลนทั้งหมดจะหายไป
“เสรีภาพในพื้นที้นี้ประกอบไปแค่คนที่เข้ากันกับผู้ผลิตที่สัมพันธ์กันและแลกเปลี่ยนกันอย่างมีเหตุมีผลกับธรรมชาติที่ถูกทำให้อยู่ภายใต้การควบคุมร่วมกันแทนที่จะถูกปกครองโดย blind forces ของธรรมชาติ”
(ภาคภาษาอังกฤษ freedom in this field can consist only in socialized man, the associated producers, rationally regulating their interchange with Nature, bringing it under their common control, instead of being ruled by it as by the blind forces of Nature.)
ประเด็นดังกล่าวมาที่ถูกทำให้ชัดเจนมากที่สุดโดยเฮเกล
“ด้วยการยึดปัจจัยการผลิตโดยสังคม การผลิตสินค้านั้นจะหมดไปและการครอบงำผลิตภัณฑ์เหนือผู้ผลิต ในสังคมการผลิตของอนาธิปไตย คือการถูกแทนที่โดยจิตสำนึกขององค์กรที่เป็นไปตามแผน ขอบเขตของเงื่อนไขทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตที่ซึ่งปกครองมนุษย์จนถึงตอนนี้และในขณะที่ก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองและการควบคุมจิตสำนึกอย่างมีสติของมนุษย์ซึ่งกลายเป็นเจ้าแห่งธรรมชาติที่แท้จริงและเมื่อนั้นคนก็ได้มีจิตสำนึกเป็นครั้งแรก นั้นก็เพราะว่าพวกเขาเป็นนายขององค์กรสังคมพวกเขาเอง เป็นกฏของพวกเขา กิจกรรมของพวกเขา ซึ่งพวกเขาก็ได้เผชิญหน้า จนกระทั่งประเด็นดังกล่าวนี้มองคนในฐานะคนต่างด่าว-เอเลี่ยนตามกฏธรรมชาติ ที่ควบคุมและนำไปใช้งานโดยใครก็ตามที่ได้ที่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และ เป็นนายของพวกเขา แค่ก็แค่เฉพาะจากนั้นบนความตั้งใจของคนที่จะทำประวัติศาสตร์ให้พวกตนเองในการเติมเต็มจิตสำนึก แค่เฉพาะจากที่ว่าเป็นเจตนาบนสาเหตุทางสังคมหลายๆอย่าง ที่พวกเขาถูกกำหนดการเคลื่อนไหวในหลักที่ยังมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนและยังเป็นผลลัพธ์ของเจตนาโดยพวกเขา มันคือการกระโดนของมนุษย์ชาติที่ออกจากดินแดนของความจำเป็นไปสู่ดินแดนแห่งเสรีภาพ” (ในที่นี้เฮเกลอาจจะอธิบายว่าการชี้ชัดถึงประเด็นทั้งหมดนี้ การที่ผู้คนได้รับรู้เป็นครั้งแรกว่าตนควรทำอย่างไรและที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพราะอะไร ฉะนั้นการก้าวข้ามนี้เองจึงเป็นกุญแจสำคัญในการปลดปล่อย)
(ภาคภาษาอังกฤษ With the seizure of the means of production by society, production of commodities is done away with, and with it the dominion of the product over the producers. Anarchy of social production is replaced by conscious organization according to plan. The whole sphere of the conditions of life which surround men, which ruled men up until now comes under the dominion and conscious control of men, who become for the first time the real, conscious lords of nature, because and in that they become master of their own social organization. The laws of their own social activity, which confronted them until this point as alien laws of nature, controlling them, then are applied by men with full understanding, and so mastered by them. Only from then on will men make their history themselves in full consciousness; only from then on will the social causes they set in motion have in the main and in constantly increasing proportion, also the results intended by them. It is the leap of mankind from the realm of necessity to the realm of freedom.)
มาร์กและเฮเกลได้นำความคิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวหลักนี้ของเศรษฐกิจจาก Saint-Simon และผู้ติดตามของเขาที่ได้เรียนรู้ทฤษฏีจากนักเขียนหัวก้าวหน้าชาวฝรั่งเศสที่โรงเรียน(the school of Say) Thierry, Dunoyer, และ Charles Comte ดังนั้นเสรีภาพของมนุษย์ต้องการที่จะเปิดเผยในการใช้การควบคุมทั้งหมดโดยความสัมพันธ์ของผู้ผลิตในการวางแผนเศรษฐกิจกับมันและชีวิตในสังคมทั้งหมด ซึ่งมันจะไม่กลายเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจ(unintended consequence) ในการกระทำของมนุษย์ที่นำมาซึ่งภัยพิบัติและความสิ้นหวัง นั้นจะไม่เป็นผลเชีนนั้น เพราะผู้คนต้องการกำหนดชะตากรรมของตัวเอง ซึ่งทึ้งไว้โดยไม่อธิบายอะไรเมื่อหลายล้านต่อล้านที่ถูกแยกออกจากปัจจัยและสามารถเป็นที่คาดหวังของการกระทำกับความคิดหนึ่งและเจตนาหนึ่งได้ ซึ่งสามารถกลายเป็นคนในทันที โดยเฉพาะเมื่อมันกล่าวอ้างว่ารัฐ กลไกที่เป็นการบีบบังคับ จะหายไป (แล้วก็โควทอีกว่า)
“ความกล้าหาญของความฝันที่มาร์กซิสต์คาดหวังเป็นการแค่การต่อสู้โดยลึกๆแล้ววพวกเขาก็มีความไม่รู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจแม้แต่น้อย”
( The audacity of the Marxists’ dream was matched only by the depth of their economic ignorance.)
และแล้ววันเวลาของคาร์ล มาร์กและเฮเกล ในทศวรรษก่อนหน้าที่จะก่อตั้งสหภาพโซเวียต นั้นมีข้อมูลที่เฉียบแหลม(และควรค่านำมาใช้สำหรับผู้ก่อตั้งโซเวียต) ที่แค่จะตั้งสมมติฐานต่อบทบาทและชื่อในการดำเนินการ heroic melodrama ผู้คนได้สร้างชะตากรรมเป็นของตัวเองและในที่สุดการประกาศของมาร์กอย่าง “The Bismarck of socialism” และ คนที่เตือนว่ามาร์กซิสต์นั้นเป็นหลักการที่เหมาะสมจะนำมาใช้ในกลไกที่ใช้ในฐานะอุดมการณ์ในกลุ่มมาร์กซิสต์เอง การหาเหตุผลเข้าตัวเองอย่างเป็นระแบบและทำให้เกิดความสับสน ของพลังการกระตุ้นจากปัญญาชนนักปฎิวัติ บาคุนินเตือนว่ามันจะนำไปสู่การสร้างชนชั้นใหม่ที่เป็น “ระบอบอภิสิทธิ์ชน เผด็จการที่หยิ่งยโส และ ปรามาสระบอบการปกครองทั้งหมด”
(ภาคภาษาอังกฤษ “the most aristocratic, despotic, arrogant, and contemptuous of all regimes”) และการยึดที่มั่นที่จะมันจะควบคุมตัวมันเองเหนือกว่าการผลิตชนชั้นของสังคม บาคุนินได้วิเคราะห์ว่ามันจะเป็นความประณีตที่การขยายที่เกิดขึ้นโดย Jan Waclaw Machajski (เป็นนักปฎิวัติโปลิส-Polish revolutionary)
แม้จะมีการวิเคราะห์อย่างนี้ หรือแค่บางทีมันเป็นการยืนยันของมันว่า วิสัยทัศน์ของมาร์กซิสต์นั้นเป็นแรงบันดาลใจให้ปัญญาชนรุ่นถัดไปในยุโรปและในอเมริกา ในวิชาเรียนที่กว้างๆที่เกิดขึ้นอย่างการสังหารที่ไร้ที่เกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จักรวรรดิ Tsarist (ในที่นี้จะหมายถึง Tasarist Autocracy – Russian empire) นั้นได้ล่มสลายลงและกองทหารของจักรวรรดิรัสเซียก็ได้แตกกระจายออกไปเป็นปัญญาชนมาร์กซิสต์กลุ่มเล็กๆ จะมีอะไรสามารถเป็นธรรมชาติไปกว่านั้นเมื่ออำนาจของพวกกลุ่มปัญญาชนพยายามทำให้เป็นวิสัยทัศน์ที่เป็นจุดมุ่งหมายและความมุ่งมั้นทั้งหมดของกลุ่มเอง ปัญหาก็คือ นั้นเป็นความแข็งแกร่งของความฝันของมาร์กซิสต์ที่แค่ต่อสู้โดยไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจเลย
การตามติดกระจายอำนาจหรือหมวดหมู่อำนาจใดๆ ข้อแนะนำที่น้อยที่สุดในตอนนี้คือการใช้กำลังตอบโต้ต่อศูนย์อำนาจที่สัมพันธ์กับผู้ผลิต ที่พวกผู้ผลิตเองทำสิ่งตรงกันข้ามกับวิสัยทัศน์(ของปัญญาชนมาร์กซิสต์)ต่อการวางแผนที่จะรวมชีวิตทางสังคมเป็นปึกแผ่น
(ภาคภาษาอังกฤษ Any trace of decentralization or division of power, the slightest suggestion of a countervailing force to the central authority of the ‘associated producers,’ ran directly contrary to the vision of the unitary planning of the whole of social life.)
ในสิงหาคมปี 1917 สามเดือนก่อนหน้าที่จะชิงอำนาจ นี่เป็นวิธีที่เลนินทำในการงานเขียนของเขาที่ชื่อว่า State and revolution ลักษณะและทักษะที่ต้องการใช้ในการดำเนินการในเศรษฐกิจของชาติ สำหรับระยะแรกของคอมมิวนิสต์ หนึ่งสิ่งที่เขาและผู้สนับสนุนที่เกี่ยวข้องได้เริ่มต้น ก็คือ
Accounting และการควบคุมความจำเป็นสำหรับสิ่งนี้ถูกทำให้ง่ายขึ้นโดยทุนนิยมที่สุดจนกว่าจะกลายเป็นการปฎิบัติงานที่เรียบง่ายเป็นพิเศษในการดูบันทึกและออกใบเสร็จรับเงิน ที่อยู่ไม่ไกลจากใครก็ตามที่อ่านออกเขียนได้และรู้กฏสี่ข้อแรกของเลขคณิตศาสตร์
(ภาคภาษาอังกฤษ The accounting and control necessary for this have been simplified by capitalism to the utmost, till they have become the extraordinarily simple operations of watching, recording and issuing receipts, within the reach of anybody who can read and write and knows the first four rules of arithmetic.)
แม้แต่ นิโคไลน์ บูคาลิน หนึ่งในบุคคลสำคัญของบอลเชวิคเก่าในปี 1919 ได้เขียนบางสิ่งไว้ด้วยกันกับ Evgeny Probrazhensky ซึ่งเป็นข้อความที่โด่งดังมากที่สุดของบอลเชวิค มันเป็น ABC of communism งานที่ว่านั้นได้ถูกโซเวียตแก้ไข 18 ครั้งและถูกแปลไปกว่า 20 ภาษา Bukharin และ Prebrazhensky ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเศรษฐศาสตร์ผู้มากกว่าความสามารถสองคนของพรรค ตามที่พวกเขาเขียน สังคมคอมมิวนิสต์เป็นสถานที่แรกที่องค์กรทางสังคมขึ้นอยู่กับ รายละเอียดที่มีการคำนวณการวางแผนที่เด่นชัด ซึ่งประกอบไปด้วยการกำหนดแรงงานในหลากหลายสาขาการผลิต ในส่วนการจำหน่วยตามที่นักเศรษฐศาสตร์ดาวเด่นได้บอกว่า การผลิตทั้งหมดจะถูกขนส่งไปยังสินค้าส่วนกลางและสมาชิกของสังคมจะดึงพวกเขาออกมาตามความต้องการที่มีการกำหนดขึ้นมาเอง
ถ้าบางสิ่งบางอย่างแบบระบอบสตาลินไม่เคยเกิดขึ้น มันจะมีสิ่งที่ใกล้เคียงกับปาฎิหาริย์
(ภาคภาษาอังกฤษ If something like Stalinism had not occurred, it would have been close to a miracle.)
การกล่าวถึงที่ดีของ Bukharin ในสื่อของสหภาพโซเวียตที่นำไปเป็นสัญญาณแห่งความรุ่งโรจน์ที่น่าตื่นเต้น และ คำพูดของเขาในเดือนวันที่ 2 พฤศจิกายนปี 1987 Milhail Gorbache ได้รื้อฟื้นคำพูดบางส่วนของเขาที่ควรแก่การจดจำว่า Bukharin คือ คนผู้ที่เขียนว่า เราจะดำเนินการตามมาตรฐานของปัญญาชน เราจะผลิตพวกเขาตมแรกงานและที่ใครระบบและในเหตุผลนี้เองที่เป็นการปกครองแบบเผด็จการเลนินนิสต์
การบีบบังคับชนชั้นกรรมาชีพในทุกระดับจากการประการชีวิตสู่การบังคับแรงงาน เป้นสิ่งที่ขัดแย้งมันอาจฟังดูเป็นวิธีการที่ขัดเกลาให้คนเป็นคอมมิวนิสต์ที่ออกจากวัตถุมนุษย์ในสายตาของพวกนายทุน
(ภาคภาษาอังกฤษ Proletarian coercion, in all its forms, from executions to forced labor, is, paradoxical as it may sound, the method of molding communist humanity out of the human material of the capitalist period.)
สิ่งที่เห็นได้ชัดของวัตถุมนุษย์ที่ตามกำจัดของพวกเขาที่นำไปสู่สิ่งที่สูงกว่า การผลิตมนุษย์โซเวียตใหม่(Homo sovieticus เป็นการอ้างอิงเชิงประชดประชันถึงบุคคลที่คล้อยตามสหภาพโซเวียตและคอมมิวนิสต์) คือส่วนสำคัญต่อวิสัยทัศน์ของปัจเจกบุคคลหลายล้านคนในสังคมมีหน้าที่ร่วมกัน กับความคิดหนึ่งและเจตนาหนึ่งและมันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นได้ชัดโดยผู้นำของคอมมิวนิสต์ทั้งหมด สิ่งนี้มันจบลงเมื่อมีตัวอย่างอย่าง Lilina และ Zinoviev’s wife ได้พูดออกมาสำหรับการ nationalization ของพวกเด็กๆตามการหล่อหลอมพวกเขาเป็นพวกคอมมิวนิสต์ที่ดี
และสิ่งที่ชัดเจนและเห็นได้ชัดที่สุดของบอลเชวิคคือการสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา จุดจบของพวกเขาในงานเขียน Literature and revolution ที่เขียนขึ้นในปี 1924 โดย Leon Trotsky เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ในบรรทัดสุดท้ายภายใต้ระบบคอมมิวนิสต์ก็คือ “ประเภทของมนุษย์โดยลี่ยนจะเพิ่มขึ้นสุ่ความสูงของอริสโตเติล เก่อเธอ หรือ มาร์ก และเหนือยอดเขาใหม่นี้จะเพิ่มขึ้น” นี่เป็นคำทำนายที่สะพรึงแสดงให้เห็นถึงความคิดของเขา อย่างไรก็ตาม อะไรที่เลออนเคยเขียนในไม่กี่หน้ากระดาษก่อนหน้านี้ ที่มนุษย์เป็นอยู่ภายใต้ระบบคอมมิวนิสต์
การสร้างสังคมใหม่ในตัวเขาเองตามกับแผนของตัวเอง การมองไม่เห็นสิ่งที่เหมือนการทับถมย่าน อาคาร และถนน อิฐที่เป็นอิฐ ถัดไปและถัดไปที่จะหลีกให้กับการก่อสร้างไททานิกของหมู่บ้านในเมือง กับ แผนที่และเข็มทิศในมือ แม้ว่าสรีรวิทยาที่บริสุทธิ์ของชีวิตจะกลายเป็นองค์ประธานต่อการทดลองโดยรวม สปีชี่ส์ของมนุษย์อย่างโฮโมเซเปียนครั้งหนึ่งจะเข้าไปสู่สภาวะข้างในของการเปลี่ยนแปลงที่สุดโต่งที่ด้วยน้ำมือของพวกเขาเอง จะกลายเป็นเป้าหมายของวิธีการที่ซับซ้อนที่สุดของการเลือกเทียมและการฝึกทางจิต… มันจะเป็นไปได้ที่จะสร้างรากฐานใหม่ที่จารีตครอบครัวของชีวิต เผ่าพันธุ์มนุษย์จะไม่หยุดคลานต่อพระพักตร์ทั้งสี่ ก่อนหน้าพระเจ้า ราชา หรือ ทุน ต่อมาก็ทำบางสิ่งที่เป็นการนอบน้อมก่อนหน้ากฏของกรรมพันธุ์และการเลือกสรรทางเพศ มนุษย์จะทำเป้าหมายของเขาเอง และ เพื่อสร้างสิ่งที่สูงขึ้นกว่าชีววิทยาทางสังคมหรือถ้าอยากเป็นสิ่งที่เหนือมนุษย์ที่เป็นการหลุดพ้นออกจากเงื่อนไขเหล่านี้
(ภาคภาษาอังกฤษ reconstruct society and himself in accord with his own plan.… The imperceptible, ant‐like piling up of quarters and streets, brick by brick, from generation to generation, will give way to the titanic construction of city‐villages, with map and compass in hand.… Even purely physiologic life will become subject to collective experiments. The human species, the coagulated Homo sapiens, will once more enter into a state of radical transformation, and, in his own hands, will become an object of the most complicated methods of artificial selection and psycho‐physical training.… [I]t will be possible to reconstruct fundamentally the traditional family life.… The human race will not have ceased to crawl on all fours before God, kings, and capital, in order later to submit humbly before the laws of heredity and blind sexual selection . . Man will make it his purpose … to create a higher social biological type, or, if you please, a superman.)
สหภาพโซเวียตเป็นสถานที่ที่เลวร้ายมากที่สุดในศตวรรษที่ยี่สิบอันเลวร้ายนี้
(ภาคภาษาอังกฤษ The Soviet Union has been the worst reeking charnel house of this whole awful twentieth century.)
คำแนะนำว่าสิ่งที่เรามีอยู่ในความตั้งใจจริงของ Trosky และ สมาชิกบอลเชวิคคนอื่นๆ ในการกระตุ้นของพวกเขาที่แทนที่พระเจ้า ธรรมชาติ หรือ ระเบียบตามธรรมชาติทั้งหมด การวางแผนอย่างมีสติของพวกเขาเอง เป็นบางสิ่งที่ฟันฝ่าการเมืองในหลายๆความหมายของสามัญสำนึก มันอาจเป็นสิ่งที่ดีว่าความเข้าใจอะไรที่เป็นปัญหาที่นี้ ซึ่งพวกเขาต้องขึ้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้นและเป็นประโยชน์มากในความเข้าใจกว่างานของพวกสำนักเศรษฐศาสตร์เสรีนิยมคลาสิคและนักทฤษฏีการเมืองที่เป็นนวนิยายของคริสเตียนผู้ยิ่งใหญ่ อย่าง C. S. Lewis
ตอนนี้รากฐานของการเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติของมนุษย์นั้นผู้นำคอมมิวนิสต์พยายามเพื่อต้องการจะเปลี่ยนและในธรรมชาติที่พูดในแต่ล่ะกรณีไม่ว่าจะเป็นความสมบูรณ์ของอำนาจทางการเมืองในไม่กี่กำมือของคน ระหว่างการปฎิวัติฝรั่งเศส รอสปีแยร์และคนอื่นๆ ผู้นำจาโคบินจัดการเปลี่ยนรูปแบบธรรมชาติของมนุษย์ตามทฤษฏีของณอง ณัก รุสโซ่ นี่ไม่ใช่แค่สาเหตุเดียว แต่มันยังเป็นที่มั่นใจว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุของยุคสมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัวคอมมิวนิสต์ถูกค้นพบได้ไม่นานอะไรที่จาโคบินได้เคยเรียน สิ่งดังกล่าวเป็นองค์กรที่จำเป็นต่อการสร้างความหวาดกลัวเข้าไปสู่ระบบของรัฐบาล
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ราวๆ 14 ล้านคนสูญเสียชีวิตตามผลลัพธ์ของการเมืองคอมมิวนิสต์มากกว่าจำนวนทหารที่ตายไปในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
Red Terror เกิดขึ้นในช่วงต้น และในการประกาศคำพูดในเดือนพฤศจิกายนปี 1987 Gorbachev ถูกคุมขังในช่วงระยะเวลาแห่งยุคสมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัวของคอมมิวนิสต์ซึ่งตรงกับช่วงสมัยของสตาลินโดยระบุไว้ว่า คนหลายๆพันคนข้างในและข้างนอกพรรคอยู่ภายใต้การปราบปรามการค้าส่ง สหาย นี่มันเป็นความจริงที่ขมขื่น
(แปลภาษาอังกฤษ Many thousands of people inside and outside the party were subjected to wholesale repressive measures. Such, comrades, is the bitter truth.)
แต่ไม่ว่าจะหมายถึงอะไรนี่เป็นความจริงที่ขมขื่นทั้งหมด โดยจุดจบเมื่อปี 1917 การกดดันของสหภาพโซเวียตใหม่ได้เป็นที่รับรู้ไปถึง Cheka และถัดตามชื่อต่างๆอีกมากมายอย่างเช่น OGPU , NKVD และ KGB ในหลายๆเอกสารภายใต้ Cheka ดำเนินการที่อาจเป็นการอธิบายโดยการปักป้ายชื่อนี้โดยเลนินในเดือนกุมภาพันธ์ 21 ปี 1918 ว่าชายและหญิงของเหล่าชนชั้นกระฎมพีจะถูกเกณฑ์ไปเป็นกองทัพแรงงานเพื่อขุดสนามเพลาะภายใต้การดูแลของเรดการ์ด และแน่นอนสิ่งที่จะทำกับการที่มีผู้ขัดขืนนั้นจะต้องถูกยิง และประกอบไปด้วยคนอื่นๆรวมไปถึงนักเก็งกำไร และ ผู้ที่ต่อต้านการปฎิวัติ ที่คนเหล่านี้จะต้องถูกยิงในฉากซึ่งมีฐานะเป็นอาชญากร ต่อบอลเชวิคที่คัดค้านการใช้ถ้อยคำ เลนินได้ตอบกลับว่า “เป็นที่แน่นอนว่าคุณไม่นึกภาพว่าเราจะได้รับชัยชนะโดยปราศจากการใช้วิธีการปฎิวัติที่น่าหวาดกลัวและโหดร้ายมากที่สุด?”
(ภาคภาษาอังกฤษ “Surely you do not imagine that we shall be victorious without applying the most cruel revolutionary terror?” )
ตัวเลขการประหารชีวิตของ Cheka นั้นใจจำนวนที่เป็นการฆาตกรรมที่ถูกกฎหมายในระหว่างปาก 1917 จนถึงต้นปี 1922 รวมถึงผู้ที่ไม่เป็นเหยื่อของศาลอาญาปฎิวัติ( Revolutionary Tribunals) และ กองทัพทหารแดงหรือ ผู้ที่ก่อความไม่สงบที่ถูกฆ่าใน Cheka ได้รับการประเมินโดยหน่วยงานเดียวประมาณหนึ่งแสนสี่หมื่นราย ตามที่อ้างอิงในประเด็นนี้ การพิจารณาการประหารทางการเมืองภายชาติปฎิกริยาแรงกดดันของระบอบ Tsarist จาก 1866 ต่อ 1917 ประมาณสี่หมื่นสี่พันราย(ยกเว้นบุคคลที่ถูกประหารตามการทดลอง) และ สิ่งที่เป็นการเทียบเคียงสำหรับการปฎิวัติฝรั่งเศสในยุคแห่งความน่าสะพรึงกลัวมีประมาณหนึ่งหมื่นแปดพันต่อสองหมื่นราย นี่เป็นที่ชัดเจนว่ารัฐมาร์กซิสต์รุ่นแรกๆที่นำบางสิ่งใหม่ๆมาสู่ในโลก
การเปลี่ยนแปลงรากฐานในธรรมชาติของมนุษย์นั้นผู้นำคอมมิวนิสต์ดำเนินการเพื่อทำสิ่งต้องการ ในธรรมชาติของกรณีนึงมันเป็นอำนาจทางการเมืองที่สมบูรณ์ที่ตกไปอยู่ในมือไม่กี่คน
(ภาคภาษาอังกฤษ The fundamental changes in human nature that the Communist leaders undertook to make require, in the nature of the case, absolute political power in a few directing hands.)
ในช่วงระยะเวลาของเลนินมันได้เกิดขึ้นในปี 1924 ความล้มเหลวเช่นการต่อต้านสงครามกับพวกชาวนาที่เป็นส่วนหนึ่งของสงครามคอมมิวนิสต์และสภาพความอดอยากมากที่สุดในปี 1921 ผลก็คือจากความพยายามที่ตระหนักถึงความฝันของพวกมาร์กซิสต์ ในท้ายที่สุดต้นทุนที่ดีที่สุดก็คือมนุษย์หรือผู้อดที่อดอยากอยู่ประมาณ 6 ล้านคนเพื่อมัน
แต่มันก็เป็นความผิดที่ถูกตราเอาไว้ของเลนินและบอลเชวิคเก่า รวมไปถึงมาร์กตัวเขาเองที่ไม่จบ Gorbachec ยืนยันว่า การเชิดชูบุคคลของสตาลินเป็นอะไรที่ไม่แน่นอนและหลีกเลี่ยงไม่ได้ และการหลีกเลี่ยงไม่ได้ในที่นี้เป็นคำที่กว้าง แต่ถ้าบางสิ่งที่เหมือนระบอบสตาลินไม่เคยเกิดขึ้น มันจะเหมือนกับสิ่งที่เป็นปาฎิหาริย์ การดูถูกสิ่งที่มาร์กและเฮเกลได้เคยหัวเราะเยาะว่าเป็นเพียงเสรีภาพและหลักกฏหมายของชนชั้นกลาง เลนินได้ทำลายเสรีภาพสื่อมวลชนและยกเลิกทุกการป้องกันทั้งหมดต่ออำนาจของตำรวจและปฎิเสธนัยการแบ่งอำนาจและการถ่วงดุลอำนาจในรัฐบาล มันเป็นการช่วยเหลือประชาชนชาวรัสเซียจำนวนหนึ่งที่ทนทุกข์ทรมานถ้าเลนิน มาร์กและเฮเกล อยู่ก่อนหน้าที่พวกเขาจะทนทุกข์และก็ไม่ซะทีเดียวว่าคนเหล่านี้เลิกสนใจงานของ Montesquieu , Madison ,Benjamin Constant และ Alexis de Tocqueville ซึ่งนักเขียนเหล่านี้ได้เคยคิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาก่อนกับปัญหาที่ว่า วิธีที่จะขัดขวางการขับเคลื่อนของอำนาจรัฐปกติให้ไปสู่อำนาจที่สมบูรณ์ยังไง นักเขียนเหล่านี้วางรากฐานที่บ่อยครั้งที่ลงรายละเอียดอย่างตั้งใจในการมีส่วนร่วมทงการเมืองที่เป็นความต้องการและการบังคับทางสังคมก็ต้องเป็นการบำรุงทะนุทะหนอม ตามขั้นตอนที่ป้องกันการเกิดทรราช แต่มาร์กและผู้ติดตามพรรคบอลเชวิค ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่า อุดมการณ์ชนชั้นกลางที่ล้าสมัย และ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอนาคตของสังคมนิยม การวาดฝันว่าการกระจายอำนาจและการแบ่งอำนาจเป็นการให้ข้อเสนอที่เล็กน้อยมากๆของการตอบโต้อำนาจรวมศูนย์ที่มีความสัมพันธ์กับผู้ผลิตหรือนายทุน ที่ตรงข้ามกับวิสัยทัศน์การวางแผนชีวิตในสังคมทั้งหมดของมาร์ก
ค่าผ่านทางของหมู่บ้านชาวนาเป็นเรื่องที่เกิดมากขึ้นภายใต้ Stalin’s Collectivization และ ความอดอยากในปี 1933 การมองในเรื่องนี้มีการมุ่งเป้าไปที่ความน่ากลัวที่จะต้องการทำลายชาวนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งยูเครน เราจะไม่เคยรู้จักความจริงที่เกิดขึ้นกับอาชญากรรมที่ราวกับปีศาจ แต่มันก็เหมือนเป็นไปได้ว่าประมาณราวๆ สิบสี่ล้านคนที่สูญเสียชีวิตจากผลลัพธ์ของนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์เหล่านี้และมากกว่าทั้งหมดที่ตายไปในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
เหมือนกับอเมริกา และ สหภาพโซเวียตที่เป็นชาติที่ก่อตั้งมาโดยอยู่บนพื้นฐานอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน
(ภาคแปลภาษาอังกฤษ Like the United States, the Soviet Union is a nation founded on a distinct ideology.)
มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ถูกทำให้งงงวย และไม่มีใครสามารถคิดว่าจะเกิดเรื่องเหล่านี้ได้ไม่กี่ปี การเปรียบเทียบกับอะไรที่คอมมิวนิสต์ได้ทำลงไปในยูเครน คล้ายกับร้านขายเนื้อที่สยดสยองในสงครามโลกครั้งที่ 1 อย่างเช่น Verdun , The Somme และ Passchendaele หรือ สมรภูมิรบพาสเชนเดล มันจะไม่มีอะไรเลยใช่หรือไม่ที่คอมมิวนิสต์ได้ทำลงไป?
พวกเขาที่ตายในนรก พวกเขาถูกเรียกขานคือ พาลเชนเดล
(They died in hell,
They called it Passehendaele.)
แต่จะใช้คำอะไรที่สำหรับสิ่งที่คอมมิวนิสต์ทำกับยูเครน? วาซิลี กรอสแมน นักประพันธ์ชาวรัสเซียที่มีประสบการณ์ความอดหยากในปี 1933 สิ่งที่เขียนก็คือ forever flowing ถูกตีพิมพ์ในโลกตะวันตกและเป็นพยานหนึ่งคนต่อความอดยากในรัฐยูเครนไว้ว่า
“เมื่อเรามาเข้าใจสิ่งหลักที่ขุมอำนาจของโซเวียตเป็นแผนที่เติมเต็มแผนของตน พ่อและแม่พยายามช่วยเหลือเด็กลูกน้อยของพวกเขาหรือประทั่งชีวิตด้วยขนมปังเล็กๆน้อยๆ พวกเขายังบอกว่า คุณเกลียดสังคมนิยมประเทศของพวกเรา ถูกต้องการจะทำลายแผน คุณเป็นแค่ปรสิต kulak(เป็นคำที่ใช้ในปลายจักรวรรดิรัสเซียที่มีที่ดินกว่า 8 เอเคอร์ในช่วงต้นสหภาพโซเวียตโดยเฉพาะโซเวียตรัสเซีย) เป็นอสูรหรือสัตว์เลี้ยงคลาน เมื่อพวกเขาเอาเมล็ดพืชไป เขาบอกสมาชิกใน kolkhoz ว่าพวกเขาจะได้รับเงินจากกองทุนสำรอง แต่นั้นเป็นคำโกหก พวกเขาไม่อยากให้เมล็ดข้าวต่อผู้ที่หิวโหย”
(ภาคภาษาอังกฤษ Then I came to understand the main thing for the Soviet power is the Plan. Fulfill the Plan.… Fathers and mothers tried to save their children, to save a little bread, and they were told: You hate our socialist country, you want to ruin the Plan, you are parasites, kulaks, fiends, reptiles. When they took the grain, they told the kolkhoz members they would be fed out of the reserve fund. They lied. They would not give grain to the hungry.)
ในไม่ช้าคอมมิวนิสต์ก็ได้ค้นพบอะไรที่จาโคบินได้เคยเรียนรู้ นั้นคือ องค์กรที่ต้องการให้ Terror ถูกสร้างขึ้นในระบบของรัฐบาล
(The Communists soon discovered what the Jacobins had learned: that such an enterprise requires that Terror be erected into a system of government.)
ค่ายแรงงานสำหรับชนชั้นที่เป็นคู่ศัตรูได้เคยรับการจัดตั้งขึ้นภายใต้ระบอบเลนิน ซึ่งอย่างน้อยที่สุดในเกือบๆต้นเดือนสิงหาคมปี 1918 ค่ายแรงงานได้ขยายใหญ่ขึ้นอย่างมากมายภายใต้ผู้สืบทอดของเลนิน Alexander Solzhenitsyn compared เปรียบเทียบเหมือนจากหมู่เกาะที่กระจัดกระจายข้ามฟากทะเลของสหภาพโซเวียตค่ายได้เติบโตขึ้นและเติบโตขึ้น ใครคือคนที่ส่งไปที่หมู่เกาะเหล่านั้นบ้าง? คนที่ได้ไปนั้นได้แก่ Tsarists และ สมาชิกคนชั้นกลางที่ไม่เชื่อฟัง พวกเสรีนิยมหัวก้าวหน้า พวก Mensheviks พวกอนาธิปไตย พวกนักบวชและกลุ่มฆราวาสโบสถ์ฮ็อกโทด็อกของยูเครน ทั้ง Baptists(แบปทิสต์) และ คนศาสนาอื่นๆ ผู้คัดค้านหรือไม่เห็นด้วยกับเลนิน ,และผู้ทำลาย ผู้ต้องสงสัยทั้งหมด และ kulaks และ ชาวนาหลายร้อยหลายพันคน ระหว่างช่วง Great Purge หรือ การกวาดล้างครั้งใหญ่กลางทศวรรษที่ 1930s ข้าราชการในพรรคคอมมิวนิสต์และปัญญาชนเองก็เป็นเหยื่อและนั้นยังมีนักคิดหลายๆคนในตะวันตกที่ตอนนี้ได้เริ่มต้นทางความคิดของพวกเขาตั้งแต่อยู่ในค่ายกักกัน และ การประหารครั้งแรก เมื่อมนุษย์ในค่ายอยู่เยอะมากขึ้นก็ได้มีการบรรทุกหรือส่งทางเรือหลังจาก the annexations of eastern Poland และ รัฐบอลดิก ที่หลังจากนั้นเชลยศึกของสงคราม เชลยศึกชาตินิยม ที่นำตัวกลับไปที่คุกเชลยสงครามของโซเวียต ผู้ที่เข้ามาในค่ายเชลยศึกหลังจาก 1945 เป็นเวลาเดียวกันในก็มีประโยคหนึ่งของ Solzhenisyn ว่า “ฝูงคนหนาแน่นกว้างใหญ่เหมือนปลาเฮอริ่งว่ายในมหาสมุทร (ภาคภาษาอังกฤษ “vast dense gray shoals like ocean herring.” )
ค่ายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ Kolyma ในตะวันออกของไซบีเรีย ในความเป็นจริงระบบค่ายมีขนาดกว้างกว่าฝรั่งเศสสี่เท่า ที่นั้นมีอัตราการตายอาจมีอยู่สูงกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต่อปีและตัวเลขการตายเป็นไปได้ประมาณสามล้านรายและมันดำเนินแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนในปี 1940 Katyn มีการฆาตกรรมเช้าหน้าที่ของโปแลนด์ในปี 1952 ผู้นำของกลุ่มวัฒนธรรม Yiddish ในสหภาพโซเวียตได้เลิกกิจการ en masse ทั้งตกถังของสตาลิน เพราะว่าในระหว่างเหตุการณ์ Purges นั้นได้มีประมาณ 7ล้านคนที่ถูกจับกุมและได้คัดออกราวๆ 1 ใน 10 ของผู้ที่ถูกกุมขังไปประหารชีวิต
สรุปแล้วจากที่เขียนในบทความนี้มีคนตายทั้งหมดกี่คน? คำตอบก็คือไม่มีใครที่รู้ได้ มันเป็นอะไรที่แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่สหภาพโซเวียตได้เคยทำสิ่งที่เลวร้ายมากที่สุดในศตวรรษที่ 21 ความเลวร้ายกว่านาซีที่สร้างเอาไว้ ผลรวมขององค์รวมหรือ collectivization และ ความอดอยากที่โหดร้ายได้ประหารและค่าย Gulag เป็นไปได้ที่จะมีอีกราวๆสามสิบล้านคน
ผู้นำคอมมิวนิสต์อยากจะบอกความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดจริงๆหรือเปล่า?
ตามที่กลัสนอสต์ดำเนินจุดสังเกตเหล่านี้ในประวัติศาสตร์ของโซเวียตที่ถูกเปิดและเสาะค้นในระดับที่มากขึ้นหรือน้อยลง มันเป็นความหวังที่ Gorbachec และผู้ติดตามของเขาไม่พลาดในประเด็นที่ชี้ให้เห็นถึงข้อกล่าวหาที่ตะวันตกคือส่วนหนึ่งในการละเล่นใส่หน้ากากของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เราได้อ้างอิงถึงบทที่น่าอับอายเป็นอย่างมากให้ปัญญาชนในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดที่เกี่ยวพันประวัติศาสตร์และติดตามนักท่องเที่ยวของโซเวียตคอมมิวนิสต์และคำขอโทษพวกเขาสำหรับสิ่งที่สตาลินได้ทำลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษาในมหาวิทยาลัยในอเมริกาได้เคยทำสิ่งอย่างเดียวกันที่มันผิดอย่าง ลัทธิ McCarthyism(มันคือ การกล่าวหาว่ามีการโค่นล้มหรือเป็นกบฎที่เกี่ยวข้องกับคอมมิวนิสต์โดยไม่คำนึกถึงหลักฐานที่เหมาะสมหรือที่มี) ในประวัติศาสตร์ของอเมริกา นี่เป็นสิ่งที่มันควรเป็น การล่วงละเมิดหรือความน่าอับอายต่อหน้าสาธารณชนต่อบุคคลที่บริสุทธิ์ให้มีความผิด รัฐบาลอเมริกาต้องสร้างมาตรฐานขึ้นมาเป็น Bill of rights แต่ความแน่ใจที่เราควรจะจำไว้และแจ้งให้ชาวอเมริการุ่นใหม่ทราบถึงผู้สมรู้ร่วมคิดในความผิดที่แตกต่างกัน กลุ่มปัญญาชนหัวก้าวหน้าเหล่านั้นที่บูชาวิหารของการวางแผนของโซเวียต และ คนเหล่านี้ก็มักจะโกหกและหลีกเลี่ยงความจริงต่อการปกป้องบ้านเมืองจากพวกสังคมนิยม ในขณะที่หลายล้านคนได้พลีชีพ หรือ มรณสักขี นี่ไม่ใช่แค่ George Barnard shaw , Sidney และ Beatrice webb Harold Laski และ Jean-paul Sartre แต่เช่นผู้สื่อข่าวในมอสโกของนิวยอร์กไทม์ Walter Duranty ที่บอกผู้อ่านของเขาในเดือนสิงหาคมปี 1933 เมื่อเกิดความอดอยาก
การรายงานใดๆต่อความอดอยากในรัสเซียวันนี้ มีความเกินจริงหรือโฆษณาชวนเชื่อให้มุ่งร้าย อาหารที่ขาดแคลนซึ่งเป็นผลกระทบเกือบทั่วทั้งประชากรในท้ายปี และ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดที่ผลิตข้าว สำหรับยูเครนและภูมิภาคคอเคซัสเหนือ เป็นพื้นที่ที่มีวอสก้าในระดับที่มีแต่ อย่างไรก็ตามก็เป็นสาเหตุที่หนักหนาถึงสูญเสียชีวิต(ภาคภาษาอังกฤษ Any report of famine in Russia is today an exaggeration or malignant propaganda. The food shortage which has affected almost the whole population in the last year and particularly in the grain‐producing provinces — the Ukraine, North Caucasus, the lower Volga region — has, however, caused heavy loss of life.)
เป้าหมายของเขาที่รายงานจากสหภาพโซเวียต duranty ก็เพื่อได้รับรางวัล Pulizer prize มันเป็นความหวังว่า Gorbachev และผู้ติดตามของเขาจะไม่ล้มเหลวในการชี้นิ้วกล่าวโทษที่ตะวันตกเป็นส่วนหนึ่งในการมีบทบาทในการปกปิดอาชญากรรมเหล่านี้(การให้เกิดความอดอยาก)
หรือการใช้การสุ่มผู้ร่วมเดินทางที่เราควรเก็บในความคิดคุณค่าของงานของ ศาสตราจารย์ Owen Lattimore ที่มหาลัยJohn Hopins ศาสตราจารย์ Lattimore ได้เคยไปเยือน Kolyma ในฤดูร้อน 1944 ไปเป็นผู้ช่วยรองประธานาธิปดีอเมริกา Henry Wallace เขาได้เขียนรายงานความเติบโตของค่ายและผู้คุม ผู้บังคับการอย่าง Nikishov ที่ทำเกี่ยวกับ National Geographic ศ.Lattimore เปรียบเทียบ ค่าย Kolyma และจัดกลุ่มร่วมกับ Hudson’s bay company และ TVA จำนวนผู้เดินทางที่ทรงอิทธิพลในอเมริกา ในข้อเท็จจริงที่ว่าพยุหะ และ เราสามารถคิดสิ่งที่ไม่มีหลักการทางศีลธรรมที่อยากแสดงให้เห็นถึงการขอโทษอะไรที่ทำพวกเขาและอะไรที่พวกเขาเพื่อช่วยเหลือ
ในคำพูดของเขาในเดือนพฤศจิกายน Gorbachev ได้ประกาศว่าสตาลินผู้กระทำความผิดที่เป็นอาชญากรรมที่ใหญ่หลวงและไม่น่าให้อภัย และ ประกาศนั้นคณะกรรมการกลางที่เปรียบเทียบประวัติศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์ของสหภาพโซเวียตนั้นจะเป็นการสะท้อนความเป็นจริงของการมีอยู่ของสตาลิน Andrei Sakharov ได้ให้เปิดเผยข้อมูลทั้งหมด ของความจริงที่น่ากลัวทั้งหมดของสตาลินและยุคของเขา แต่พรรคคอมมิวนิสต์สามารถบอกความจริงได้ทั้งหมดจริงหรือ? ในสภาคองเกรสศตวรรษในปี 1956 Nikita Khrushchec เปิดเผยจากต้นถึงปลายที่เป็นการก่ออาชญากรรมของสตาลิน และการที่โปแลนด์ลุกฮือขึ้นและนั้นเป็นความรุ่งโรจน์ และ การปฎิวัติของฮังกาเรียนที่ไม่มีวันสิ้นสุด เมื่อพวกเขาได้ทำลงไป
การกระทำที่สูงส่งในฮังการีเพื่อให้ผู้คนได้เชื่อมั่น (ภาคภาษาอังกฤษ high deeds in Hungary
To pass all men’s believing.)
การเปิดเผยความจริงทั้งหมดจะมีความหมายอะไร? ผู้นำคอมมิวนิสต์สามารถที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อความเสียหายและการสูญเสียที่ทำลงโดยรัฐสหภาพโซเวียตกับคนของตัวเองที่เทียบได้กับชาวเยอรมันในสมรภูมิรบได้หรือไม่? ความเข้มข้นของค่ายกักกันในนาซีเป็นเวอร์ชั่นที่แก้ไขจากโซเวียตที่เป็นต้นแบบ ซึ่งวิวัฒนาการจากที่ผู้นำเยอรมันได้เคยติดตามดูแลอย่างระมัดระวัง
ในสุดท้ายนี้ อย่างสั้นที่สุด .สหภาพโซเวียตไม่ได้แค่เป็นต้นแบบรัฐที่ฆ่าล้างคนหลายล้านคน แต่เป็นแบบจำลองแบบแรกเปล่า?” ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ อะไรคือผลที่จะตามมาจะเป็นยังไง? แต่ในข้อเท็จจริงที่ว่าเหยื่อของโซเวียตคอมมิวนิสต์ไม่เคยได้ได้รับรู้อย่างเต็มที่เกี่ยวกับข่าวสารและบ้านเกิดของตัวเองนั้นคือเหตุผลที่มากว่านั้น เมื่อเราหันมาพิจารณาตามความยุติธรรมทางประวัติศาสตร์เราในโลกตะวันตกยังต้องพยายามรักษาให้คงอยู่และหวังว่าจะไม่ซ้ำรอยความเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นในโลกอีก
เกริ่น บทความแปลนี้อาจจะมีบางส่วนที่ผิดพลาดเนื่องจากคำนั้นยากพอสมควรรวมไปถึงการใช้คำที่ผิดเพื่อการนี้ยังไงก็ขออภัยหากมันมีข้อผิดพลาดประการใดที่เกิดขึ้นจากงานแปล 🙏
- ผู้แปล “น้องข้าวผัด”
Ref. (การอ้างอิงทั้งหมด-และในอ้างอิงทั้งหมดก็มีอ้างอิงในเนื้อหาอีกที ผู้อ่านสามารถตรวจสอบหลักฐานจากบทความข้างต้นได้ในลิ้งก์อ้างอิงนี้)
https://www.cato.org/commentary/marxist-dreams-soviet-realities