ว่าด้วยการปลดปล่อยสตรี #บทความแปล
กฎหมายและสิทธิทางการเมืองปราศจากการแบ่งเพศที่ค่อยๆได้รับการยอมรับอย่างโดยรัฐบาลที่เป็นประเทศอารยะมากที่สุดในโลก โดยสภานิติบัญญัติและกฎหมายคอมมอนลอว์ได้ตัดสินใจให้ผู้หญิงได้รับอิสรภาพเฉกเช่นเดียวกันกับผู้ชายตามกฎหมายทั้งการกระทำ การมีทรัพย์สินของตนเองและการทำสัญญาในนามหรือชื่อของตัวเอง(นี่คือเสรีภาพที่กำลังถูกทำลายลงด้วยความที่ว่านี้ปัจจุบันมีแนวโน้มจะก้าวไปสู่สังคมนิยมที่มีความเสียหายต่อตัวผู้ชายและผู้หญิงในประเทศ ทั้งสิทธิพิเศษและเงินอุดหนุน อัตราภาษีก้าวหน้าของรัฐบาล กฎหมายจะมีการจำกัดสัญญาต่อชั่วโมงของงานในไม่ช้า แล้วยังมีการแทรกแซงสิทธิ์ในการครอบครองทรัพย์สินของคนอื่นและเสรีภาพในการทำข้อสัญญาอีกเช่นกัน)สำหรับวัตถุประสงค์ในทางปฏิบัติทั้งหมด กฎหมายในตอนนี้ทั้งชายและหญิงต่างก็ค่อนข้างเหมือนกันอย่างมาก
[ โอกาสทางเศรษฐกิจ ]
ในไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจและโอกาสทางวิชาชีพได้เปิดกว้างให้กับผู้หญิงอย่างเป็นขั้นเป็นตอนของมันตราบเท่าที่จารีตทางสังคมอนุญาตและภายในการกำหนดข้อจำกัดโดยความแตกต่างระหว่างเพศซึ่งอย่างน้อย ก็เป็นความซาบซึ้งของผู้หญิงประเทศฝรั่งเศสมีความสัมพันธ์กับอิสรภาพมากที่สุด พวกเธอในตอนนี้ถือว่าใกล้เคียงกับผู้ชายอย่างมาก ขึ้นอยู่กับการขยายของเขตความสามารถของเธอ ในการแสวงหาตัวเลือกเหล่านั้นที่เป็นเป้าหมายสูงสุดในทางเศรษฐกิจและการประกอบอาชีพของพวกเธอเอง
ความเป็นไปได้ที่ซึ่งทำให้ความสำเร็จของผู้หญิงได้รับรู้ถึงความก้าวหน้าอย่างมหาศาลของพวกเธอในฐานะคนๆหนึ่ง ตามหลักกฎหมาย การเมือง เศรษฐกิจและวิชาอาชีพของพวกเธอไม่เป็นที่น่าสงสัยอีกเนื่องจากว่าในส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามการการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้หญิงเอง ไม่ว่าทั้งคนที่ประหยัดเงิน นักลงทุน หรือ ผู้ประกอบการ ต่างก็ได้มีส่วนในการปฏิบัติที่สัมพันธ์กับระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรีที่ทรัพย์สินบุคคลของพวกเธอก็ได้เข้าไปสู่ความเสี่ยงก็เพื่อคาดหวังที่จะได้กำไรเป็นผลตอบแทน โดยการขายสินค้าและบริการซึ่งผู้หญิงที่มีอิสระจากชีวิตประจำวันที่น่าเบื่อและการใช้แรงงานหนักที่คาดหวังมาหลายศตวรรษที่จะทำให้เต็มบทบาทได้ในฐานะเพื่อนทางเพศ ในฐานะแม่ของลูกและแม่บ้าน สำหรับพวกเธอการผลิตและการเตรียมอาหารที่ดี การขนส่งที่มีประสิทธิภาพมาก ร้านค้าขายปลีกที่ดีกว่าเดิม รวมไปถึงสิ่งประดิษฐ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสมัยใหม่ทำให้พวกเธอได้ใช้เวลาไปแสวงหาความสนใจผ่อนคลายข้างนอกบ้านได้อย่างดี
ในวันนี้การปุ่มในห้องครัวอย่างตัวจับเวลาอัตโนมัติ ตู้แช่แข็งอิเล็กทรอนิกส์ ตู้เย็น เครื่องทำความร้อนและมีดสับกระดูก ได้เตรียมการและผสมอาหารได้ ให้แม่บ้านไม่ต้องเริ่มต้นด้วยการทำปัญหาหนักๆหลายอย่างกับย่าและรับมือทวดของเธอทุกวัน เราลองจินตนาการว่าถ้าบ้านไม่มีฮีตเตอร์หรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ และ ห้องครัวที่ไม่มีเตา ตู้เย็น หรือ ไม่มีน้ำไหล และลองสมมติไปอีกว่าไม่มีร้านค้าสะดวกซื้อใกล้บ้านที่มีนม บีสเตอร์ เนื้อ ผัว และ ซุป ลองคิดว่าเมื่อชีวิตแต่ล่ะครอบครัวปลูกหรือทำอาหารเป็นของตัวเอง รวบรวมเชื้อเพลิงเพื่อทำอาหาร เทน้ำทึ้งทั้งหมด การผลิตสิ่งทอและเย็บ การปะ และ การซ่อมแก้ไขเสื้อผ้าของครอบครัว
ในช่วงต้นหนังสือแนะนำการทำอาหารได้แนะนำสูตรเพื่อประหยัดเวลาของแม่ศรีเรือน/แม่บ้าน มันใบ้ว่าในอนาคตจะไม่มีเจ้าสาวที่แต่งงานเข้ามาในอนาคตแล้วจะต้องการใช้หนังสือแนะนำการทำอาหาร หากเราลองตัวอย่างว่า กาต้มน้ำที่กักเก็บน้ำทั้งร้อนและเย็นมักจะสะดวกในครัวเสมอ ไม้สนคือเชื้อเพลิงที่ประหยัดในสำหรับเตาอบแต่ว่าไม้ที่แข็งก็ยังทำถ่านหินที่ร้อนได้มากกว่า โคมไฟจะมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์(ไหม้) น้อยกว่าถ้าเราจุ่มไส้ตะเกียงของเราลงในน้ำส้มสายชูที่ร้อนมากๆและเช็ดมันให้แห้ง นี่เป็นการสอนสิ่งที่เตรียมพร้อมอย่างหนึ่งให้เด็กอย่างการลองถักเปียฟางข้าวในหมวกของพวกเธอและของพี่ชายเธอก็ด้วย การนำเนื้อสดเข้ามาในบ้านควรดูแลให้ดีจากแมลงวันโดยการใส่มันลงไปในตู้ที่เย็นในห้องใต้ดินแล้วหลังจากนั้น ก็นำมาเตรียมพร้อมประกอบอาหารทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าร้อน การปกป้องไขมันดีเพื่อในการทำน้ำมันหมูและจะใส่น้ำมันที่ไม่ดีเหล่านั้นลงในจาระบี
ตำราการทำอาหารและการจัดการบ้านที่เก่าแก่ที่สุดเป็นคู่มือที่ปรากฏอายุประมาณ 200 ปี ซึ่งก็มีผู้หญิงไม่กี่คนที่สามารถอ่าข้อมูลว่ามันทำอะไรได้บ้างในสิ่งที่คู่มือแนะนำ ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากเพื่อทำให้ครอบครัวแต่ล่ะบ้านมีความราบรื่น เพื่อบอกผ่านการทำตัวอย่างในคู่มือและปากต่อปาก(Word of mouth or viva voceคือการส่งผ่านข้อมูลจากคนสู่คนโดยใช้การสื่อสารด้วยวาจา) หนึ่งในหนังสือทำอาหารในช่วงต้นที่มีการตีพิมพ์ในอเมริกาคือ The American Frugal Housewife โดย Mrs.Lydia Maria Childs (12th ed., 1832). แม่บ้านแม่เรือนวันนั้นปรุงอาหารแบบ open fireการคั่วเนื้อบนเหล็กเสียบแล้วย่าง หรือ การอบด้วยเตาที่สะท้อนแสงก่อนหน้าการจุดไฟในปล่องไฟ การจุดไฟของเตาอบเป็นงานบ้านอย่างหนึ่งที่วันหรือสองวันต่อสัปดาห์มีไว้เพื่อการอบเนื้อ กับ การวางแผนการทำอาหารที่ดีที่ใน 5 อย่างต่อเนื่องจากการอบที่จะสามารถเสร็จในเตาอบที่มีความร้อนจากการจุดเพียงหนึ่งครั้งโดย “อบขนมปังก่อน จากนั้นก็พุดดิ้ง หลังจากนั้นก็ขนมอบ แล้วก็เค้กและนมปังขิง และ สุดท้ายก็คัสตาร์ด”นี่เป็นข้อแนะนำที่มาจาก Mr.s M.H Cornelius หนังสือของเพื่อนแม่บ้านที่ปรากฏในปี 1859 ที่เวลานั้นเธอได้เขียนว่า “เตาอิฐกำลังจะออกไปเตาปรุงอาหารและช่วงที่เข้ามา” และ ยังต้มอาหารเป็นอาหารมื้อเย็นอย่างการเตรียมอาหารหลายอย่าง สูตว์ ซุป เค้กนึ่ง และ พุดดิ่ง ในอันดับต้นๆของสิ่งที่อยู่ในเตาอบที่ยังคงมีความนิยมมากกับการทำอาหารว่าเค้กหลายชิ้นซึ่งเรียกสำหรับการเผาเตาอบ
ใน 1832 Mrs.Childsได้เขียนสำหรับแม่บ้านที่อยู่เขตชนบทที่พวกเธอได้สวนผักเป็นของตัวเองและผลไม้ไม่กี่อย่างรวมถึงไก่หลาย ๆ ตัว แน่นอนว่าทุกครอบครัวแบ่งหน้าที่ของตัวเอง และ แม่บ้านส่วนใหญ่ได้เคยช่วยเหลือเป็นพิเศษจากสาวรับใช้และผู้หญิงที่สัมพันธ์กันกับครอบครัว และ ยังมีความรับผิดชอบต่องานที่เป็นแม่บ้านคนหนึ่งด้วย เธอปลูกสมุนไพร-เก็บไข่ไก่ และ บ่อยครั้งก็รีดนมจากวัว เธออบขนมปังกับยีสต์กับขนมปังที่เธอทำ และ ใช้ไข่ หรือ เบกกิ้งโซดา และ ครีมทาร์ทาร์ สำหรับหัวเชื้อ การอบผงทาร์ทาร์ที่ไม่สามารถนำไปขายได้เลยจนกระทั่งปี 1850 เธอได้ทำอาหารให้ครอบครัวและใช้ครีมทาร์ทาร์ในการทำอาหารกับเครื่องใช้ครัว เธอได้ตีไข่ด้วยซ่อมหรือลวดและจาระบีข้อศอก การตีไข่แบบหมุนไม่ได้มีการใช้งานทั่วไปจนถึงครึ่งหลังศตวรรษที่ 19
แม่บ้านที่เคยอบขนมปังเป็นประจำจากการผสมแป้งลงไปในทุกเย็นของการจัดทำอาหาร จัดการมันในชั่วข้ามคืนการนวดมันอย่างประณีต Mrs.Cornlius เขียนไว้ว่า “A half an hour is the least time to be given to kneading a baking of bread, unless you prefer, after having don’t this till it ceases to stick to your hands, to chop it with a chopping-knife four or five hundred strokes. An hour’s kneading is not too much.”ขนมปังจึงเป็นเหมือนเจ้าที่ของชีวิตและขนมปังที่ดีนั้นจึงเป็นทรัพยากรที่เป็นความภาคภูมิใจของเหล่าแม่บ้านที่ทำมันขึ้นมา
เมื่อแม่บ้านขาดเครื่องทำความเย็นหรืออะไรต่างๆ จะเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างต่อเนื่อง นั้นก็เพราะว่าแม่บ้านหรือแม่ศรีเรือนจะใช้การดูแลสิ่งของอุปกรณ์ต่างๆ เป็นอย่างดีก่อนหน้าที่มันจะชำรุดหรือบอกเป็นนัยว่าจะมีความเสียหาย พวกเธอจึงรักษาของเหล่านั้นเป็นพิเศษ และในขณะเดียวกันช่วงเวลาก่อนหน้าที่จะมีอุตสาหกรรมกระป๋องจะมีการพัฒนาในปลายปีทศวรรษ 1800s เหล่าแม่บ้าน ผู้หญิง และ ภรรยาติดบ้านได้รักษาผลไม้และผักตามฤดูกาลเพื่อที่มั่นใจว่าจะนำมันไปเป็นอาหารตลอดทั้งปี และ ก่อนหน้าที่จะมีกระป๋องไว้สำหรับแช่มันเพื่อให้มันไม่เสีย ในปี 1859 Mrs.Cornelius แนะนำว่าการใส่ผลไม้กวนหรืออะไรก็ตามลงในขวดใสคอกว้าง และ วางกระดาษข้างบนสุดจากนั้นก็ปาดไข่ขาวบนกระดาษด้วยขนนกเพื่อปิดปากขวดซึ่งมันทำให้ไม่เกิดเชื้อรา
[ อันดับแรกรีดนมวัว ]
ในช่วงศตวรรษที่ 19 แม่บ้านแม่เรือนมีความาสามารถที่หลากหลายมากขึ้น โดยการปฎิวัติอุตสาหกรรมที่มาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของความเชี่ยวชาญในหลากหลายสาขาและการแบ่งงานที่ดูพื้นผินแล้วแทบจะไม่น่าจะตกตลึงมากกับธรรมเนียมที่ผู้หญิงต้องติดบ้าน ปี 1859 ภรรยาติดบ้านได้ซื้อของใช้ภายในบ้านเข้ามามากกว่าคุณยายของเธอถึงสองสามเท่ามากกว่าตอนที่คุณยายของเธอมีอยู่ในปี 1832 แต่พวกเธอก็ยังคงมีการฆ่าไก่เพื่อที่จะนำมาทำอาหารให้กับครอบครัว ด้วยการย่างเกลือ รมควัน หรือ อะไรอื่นๆที่เป็นการรักษามันและเก็บเอาไว้อย่างปลอดภัยให้ห่างจากแมลงและสัตว์อื่นๆ เพื่อที่ทำให้มั่นใจได้อย่างดีว่าจะได้ผลิตภัณฑ์อาหารที่ดี เธอก็เลยบอกว่า“อันดับแรกที่จำเป็นก็คือ การมีวัวที่ดีมีคุณภาพ” โดยการมีวัวเอาไว้ที่บ้าน เพื่อให้บางคนสามารถเอาอาหารไปให้มันได้และรีดนมวัวของเธอ การได้มาซึ่งนมวัวสำหรับการได้ครีมที่มีเพิ่มขึ้นและเนยที่ได้มาไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น แต่นั้นก็ยังไม่มีเครื่องแช่เย็นที่เอาไว้เก็บนมวัว ครีม เนย และ เครื่องมือที่สกัดนมหวาน เป็นที่น่ากังวลอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับตอนนี้ผลิตภัณฑ์นมถูกนำไปขายในร้านค้า เป็นแพ็คเก็ตแล้วเตรียมสำหรับการดื่มใช้ ผู้ชายส่วนมากที่เป็นแรงงานหนักที่ผลิตของจำนวนมาก็ใช้การพัฒนาและอุปกรณ์การผลิตที่จำเป็นกับการรักษาการประหยัดเงินที่มากขึ้นและการลงทุนโดยการซื้อนมวัวมากิน
งานบ้านที่ครอบครัวทำแทบจะหลังหักในศตวรรษที่ 19 อันดับแรกก็การเตรียมการทำสบู่ที่นำมาจากน้ำด่าง(ซึ่งมาจากขี้เถ้าไม้อีกที) น้ำมัน ละ ก็จาระบีที่เป็นเก็บหลังจากการทำอาหาร น้ำที่ใช้ก็มีปริมาณน้อยและก็อุ่น การล้างอ่างที่เหมือนกับทริปที่ทำอย่างนับไม่ถ้วนและก็นำไปสู่เตาในขั้นสุดท้าย หลังจากที่เสื้อผ้าถูกจัดเรียงอย่างดีที่สุดและสิ่งสกปรกก็น้อยลงจากการถูทำความสะอาด อันดับแรก การทำความสะอาดในพื้นที่มีของหยาบและสกปรกหลังจากนั้นก็ใช้น้ำเดียวกันในการทำ สิ่งสกปรกส่วนใหญ่สามารถขจัดออกด้วยมือในอ่าง และ สิ่งที่ขาวที่ถูกชำระมาต่างๆ อย่างเสื้อ ก็ถูกนำไปตาก หลังจากล้าง การขวัดเชื้อ การทำให้แห้ง การบิด การนำไปบนเครื่องทำความร้อน และ การทำให้เย็นเป็นสิ่งจำเป็น เสื้อผ้าของเราที่ถูกปิดและตากข้างนอกบ้านเป็นราวแถว การชำระสิ่งของในครอบครัวจะใช้เวลาเต็มวันของแม่บ้านแม่เรือน สำหรับการรีดผ้านั้นใช้เวลาอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์เตารีดแบนๆและเตารีดที่มีความเงาพิเศษสำหรับการทัชอัพในลำดับสุดท้ายจากนั้นก็เอาไปผิงเตาเผาให้มันอุ่นหลายๆรอบ แล้วก็รอมันเย็น
[ จากนั้นก็ช่วงเวลาระบบอัตโนมัติ ]
เตาในห้องครัวหรือช่วงที่ใช้ไม้หรือถ่ายหินค่อยๆนำมาใช้ในกลางปีศตวรรษที่ 19 ความได้เปรียบเหล่านี้ดีกว่าเตาผิงแบบเปิดและเตาอิฐ โดยการใช้แก๊สและการมีสายแก๊สขึ้นมาในปลายปีทศวรรษ 1800sการทำอาหารแบบใหม่ได้ให้ประโยชน์อย่างมาก เตาอบแบบแก๊สเข้ามาเป็นที่รู้จักหลังจากนั้น การทำมื้ออาหารที่เตรียมการอย่างง่ายๆเล็กน้อย การพัฒนาอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาอย่างเช่น เครื่องแช่เย็น เป็นความชำนาญของมันที่สามารถนำไปใช้กับการทำฟาร์มนมขนาดใหญ่พิเศษได้ การแก้ไขปรับปรุงเรื่องการขนส่ง การมีเบเกอรี่ และ การขยายร้านค้าขายปลีก ที่ทำให้ผู้หญิงถูกปลดปล่อยอย่างมากมายจากการการทำที่เหมือนแรงงานที่บ้านที่มีความทรหดและน่าเบื่อหน่ายตลอดเวลาซึ่งเป็นชีวิตทั้งหมดที่เคยเป็นชีวิตของพวกเธอ ระบบเครื่องล้างอัตโนมัติและเครื่องล้างแห้ง ได้นำความเบื่อหน่ายออกมาจากการล้างของครอบครัว(เพราะมันสะดวกเกินไป)เสื้อผ้าขนสัตว์ที่ทำมากันตัวมอดเป็นเส้นใยมหัศจรรย์ที่ง่ายต่อการดูแลสำหรับเสื้อผ้าของครอบครัว เครื่องดูฝุ่น น้ำยาขัดพื้น และ การซักในที่แห้งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความสะดวกในบ้านและเครื่องเรือนให้สะอาดตลอดทั้งปี รวมไปถึงสิ่งที่ต้องการจะล้างยากให้ออก ภายในบ้านและทุกสิ่งจากบนสู่ล่างซึ่งอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิตและร่วง ทั้งเครื่องทำความเย็นและเครื่องใช้ที่มีประสิทธิภาพอื่นๆ ได้ทำให้การรักษาอาหารและให้อิสระในการทำเมนูในการทำอาหารจากการพึ่งพาภายในฤดูนั้น เมื่อมีการเปรียบเทียบว่าในศตวรรษที่ 19 ของผู้หญิงเป็นศตวรรษที่คู่กันกับ ผู้หญิงหรือแม่บ้านแม่เรือนสมัยใหม่ที่ถูกปลดปล่อยอย่างแท้จริงจากการลดความน่าเบื่อหน่ายจากการทำงานที่ไม่มีสิ้นสุดที่บ้าน
เมื่อแม่บ้านแม่เรือนกดปุ่มหรือเปิดสวิตในเครื่องใช้ในบ้านสมัยใหม่ของเธอได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ที่มาจากกลุ่มคนพวก เซฟเวอร์ , นักลงทุน , นักประดิษฐ์ , ผู้ประกอบการ , คนขายของ แต่ล่ะสิ่งของใครที่ได้ช่วยเหลือในชีวิตประจำวันของเธอภายในบ้านผลกระทบที่คนเหล่านั้น(กลุ่มอาชีพที่มีผลต่อครัวเรือน) พวกเขาได้ช่วยเหลือทั้งไม้ในปริมาณที่น้อยลงเพื่อให้ความอุ่นในบ้านจนเมื่อเธอได้เปิดปุ่มเทอร์โมสตัท(เครื่องทำความร้อน)การบิดเกลียวก๊อกน้ำเอง การเปิดหน้าปัดของไฟในเตาผิง การกดปุ่มเครื่องกลในการล้างสิ่งต่างๆ และ บีบมันต่อสัปดาห์ในการล้างสิ่งของต่างๆ กับ การเดินไปที่ร้านของคำที่ภรรยาติดบ้านจะสามารถมีผลกระทบที่เติบโตจากในด้านการทำอาหารให้ครอบครัว ทั้งนมวัว บีสเตอร์ การทำชีท การตีไข่มารวมกัน การนวดและการอบขนมปัง การบดเครื่องเทศ การฆ่าสัตว์ปีกและการรักษาเนื้อสัตว์ การรักษาผลไม้และผัก และการทำสบู่ (เป็นผลมาจากการเติบโตที่เป็นผลกระทบในชีวิตของภรรยาติดบ้านที่สร้างความสะดวกสบายต่องานของเธอ)
[ ทุนคือกุญแจสำคัญ ]
แต่ล่ะบุคคลในโลกที่แตกต่างกันจากคนอื่นทุกคน ต้องขอบคุณความแตกต่างเหล่านี้ที่ทำให้ทุกคนได้ประโยชน์ถ้าแต่ล่ะบุคคลของพวกเราเป็นอิสระต่อความตั้งอกตั้งใจในพื้นที่ของเขาหรือเธอในความถนัดที่ยิ่งใหญ่ของคนและความสนใจ นั้นเป็นบางอย่างที่เป็นความเชี่ยวชาญและการแบ่งงานแม้แต่ในกลุ่มเล็กๆและชุมชนดั้งเดิม แต่ภายใต้ทุนนิยม กับทรัพย์สินส่วนบุคคลและเสรีภาพในการขับเคลื่อน การลงทุน และ การแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการตลอดจนพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีการเพิ่มขึ้นของประชากร มันมีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาและแสวงหาผลประโยชน์บนความแตกต่างของพวกเราเต็มที่มากกว่าก่อนหน้าที่ไม่มีอะไรหรือน้อยกว่านี้ ความได้เปรียบของทุกคน มันเป็นบริบททางระบบเศรษฐกิจ และ การพัฒนาบนพื้นฐานของความเชี่ยวชาญที่สูงและการแบ่งงาน ซึ่งทำให้มีการปลดปล่อยผู้หญิงจากจารีตที่ว่าผู้หญิงต้องทำงานอยู่ที่บ้านแต่เดิมแล้ว
ผู้หญิงแตกต่างจากผู้ชาย(นี่เป็นเรื่องที่แน่นอน) และเป็นแบบนั้นสม่ำเสมอ ผู้หญิงในปี 1970s เคยได้รับการรับการยอมรับในฐานะปัจเจกบุคคลภายใต้กฎหมาย เธอสามารถเป็นเจ้าของทรัพย์สินและทำสัญญาในนามของชื่อเธอเองได้ ต้องขอบคุณการพัฒนาของระบบทุนนิยม ตอนนี้มีเวลาของเธอมีไว้เพื่อไล่ตามความสามารถพิเศษและสิ่งที่เธอสนใจข้างนอกบ้าน ดังนั้นผู้ชายและหญิงจึงสมบูรณ์เท่ากันในทางเศรษฐกิจและทางการประกอบวิชาชีพความชำนาญ ซึ่งแทนที่จะพยายามบังคับให้เกิดการปฏิเสธตามกฎหมายของความแตกต่างทั้งด้านกายภาพและทางสรีรวิทยาระหว่างเพศ ทำให้การยอมรับผู้หญิงตามหลักปรัชญาฝรั่งเศสว่า “Vive la différence.”เกิดขึ้นในในสังคมและในปัจจุบันนี้
(ภาคแปลสำนักยาแดง : ข้าวผัด)
Bibliography
Greaves, Bettina Bien. The Liberation of Women. Auburn, AL: Mises Institute, 2018.
https://mises.org/wire/liberation-women